
ไฮไลท์ฟุตบอล สแปนิช ซูเปอร์คัพ 2022-23 นัดชิงชนะเลิศที่สนาม คิง ฟาฮัด อินเตอร์เนชั่นแนล สเตเดี้ยม เป็นการพบกันระหว่าง “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด กับ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม 2566
เปิดฉากครึ่งแรกมาในนาทีที่ 33 บาร์เซโลน่า ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ จ่ายบอลทะลุช่องเข้าเขตโทษให้ กาบี ได้แต่งบอลแล้วซัดด้วยซ้ายเน้น ๆ เข้าประตูไป
จากนั้นนาทีที่ 45 บาร์เซโลน่าได้ประตูนำห่างเป็น 2-0 จากจังหวะของ กาบี คนเดิม ปาดบอลจากฝั่งซ้ายมาหน้าประตูให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ได้แปเข้าไปไม่พลาด เรียกได้ว่าสลับกันยิง สลับกันจ่ายเลยทีเดียว และหมดเวลาการแข่งขันในครึ่งแรกด้วยสกอร์ 2-0
กลับมาเล่นกันต่อช่วงครึ่งหลัง เรอัด มาดริด เจองานหนักเมื่อ บาร์เซโลน่า ได้ประตูนำห่าง 3-0 ในนาทีที่ 69 จากลูกแปเน้นๆ หน้าประตูของ เปดรี และหลังจากนั้น มาดริด ก็ตามตีไข่แตกได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจากลูกยิงในเขตโทษของ คาริม เบนซิม่า
ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีสกอร์เพิ่มและจบการแข่งขัน บาร์เซโลน่าคว้าแชมป์ สแปนิช ซูเปอร์คัพ สมัยที่ 14 มาครองจากการเอาชนะคู่ปรับตลอดกาลอย่าง เรอัล มาดริด ด้วยผลบอล 3-1
สถิติในเกมนัดชิง สแปนิช ซูเปอร์คัพ
ผู้ชนะ: ชาบี เอร์นานเดซ

ข่าวฟุตบอล ชาบี เอร์นานเดซ กุนซือเจ้าบุญทุ่ม บาร์เซโลน่า พาทีมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เอาชนะคู่ปรับตลอดกาลอย่าง เรอัล มาดริด ได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยสกอร์ 3-1 คว้าแชมป์ สแปนิช ซูเปอร์คัพไปครอง โดยหลังจากที่ชาบี เข้ามาคุมทัพ บาร์เซโลน่า เขาต้องพบกับความผิดหวังหลายต่อหลายครั้ง และไม่เคยได้สัมผัสถ้วยรางวัลแม้แต่ชิ้นเดียว
ชัยชนะในเกมนี้ ทำให้เขาเหมือนได้ปลดล็อคอย่างเป็นอิสรภาพ หลังจากที่ถูกตั้งคำถามจากแฟนบอลมาอย่างยาวนาน ซึ่งนอกจากจะคว้าแชมป์เป็นรายการแรกในฐานะกุนซือของทัพ อาซูลกราน่า มาครองได้แล้วนั้น นี่ถือเป็นการล้างแค้นจากที่เคยพ่ายแพ้ให้กับ เรอัล มาดริด 1-3 ใน ลีกลาลีกา สเปน ที่ผ่านมาอีกด้วย
ผู้แพ้: กองกลางของ เรอัล มาดริด

ผลกระทบจาก 3 มิดฟิดล์ของ เรอัล มาดริด ทั้ง ลูก้า โมดริช,โทนี่ โครส และเอดูอาร์โด คามาวินกา แน่นอนว่าทั้ง โมดริชและโครสคือคีย์แมนคนสำคัญที่จะช่วยสร้างสรรค์บอลไปให้เหล่ากองหน้าเพื่อทำประตู แต่กลับกันเกมนี้ ลูก้า โมดริช แทบจะได้ไม่ได้ครองบอล โดยเขาจับบอลไปเพียง 37 ครั้ง ก่อนถูกเปลี่ยนตัวไปในที่สุด และ โทนี่ โครส ก็ทำอะไรไม่ได้เท่าที่ควร
ส่วน เอดูอาร์โด คามาวินกา ต้องเจอกับฝันร้าย เมื่อเขาไม่สามารถจัดการกับแนวรุกของ บาร์เซโลน่า เท่าที่ควร จึงเป็นผลพลอยทำให้ทีมเสียประตู และทำให้เหล่าแฟนบอลราชันชุดขาว ตั้งคำถามกับกุนซือ อันเชล็อตติ ว่าทำไมไม่ส่ง ชูอาเมนนี่ ลงสนาม เขาน่าจะช่วยทีมได้มากกว่านี้
ผู้ชนะ: กาบี

เจ้าหนู กาบี กลับคืนฟอร์มเทพอีกครั้งในเกมนี้ หลังจากที่เจ้าตัวฟอร์มห่วยมาสักพักใหญ่ โดยในเกมนี้เด็กหนุ่มวัย 18 ปีทำไป 1 ประตู กับอีก 2 แอสซิสต์ เขาสร้างโอกาสได้มากที่สุดในสนาม และเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้ บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ในครั้งนี้
กุนชือ ชาบี เอร์นานเดซ เอ่ยปากชมผ่านสื่อ ข่าวฟุตบอลต่างประเทศ ว่า เจ้าหนูวัย 18 ปี ว่าเขาจะเป็นอนาคตคนใหม่แห่งวงการฟุตบอลแน่นอน หากเทียบรุ่นกันแล้ว เขาคือนักเตะที่เหนือที่สุดในตอนนี้ และเชื่อว่าหาก กาบี ยังคงรักษามาตรฐานของตัวเองได้ ก็จะทำให้เขาพัฒนายิ่งขึ้นและจะเป็นนักเตะระดับแนวหน้าได้ไม่ยาก
ผู้แพ้: ดานี่ การ์บาคาล

ดานิ การ์บาคาล คือจุดอ่อนของ เรอัล มาดริด ในเกมนี้ เพราะเขาไม่สามารถขัดขวาง กาบี ได้เท่าที่ควร ทำให้คู่แข่งมีพื้นที่สร้างสรรค์บอลจนทำประตูได้
แบ๊คขวาวัย 30 ปี ถือเป็นกำลังหลักของทีมอยู่เสมอ เพียงแต่นัดนี้เขาทำได้ต่ำกว่ามาตรฐาน จนถูกแฟนบอลจวกว่า การ์บาคาล วิ่งได้เฉื่อยช้าหรือกาบีวิ่งเร็วจนเกินไปกันแน่ ประตูที่ 2 ที่มาดริดเสียไปนั้น ก็คงจะโทษใครไม่ได้ แต่ถ้ามองเข้าไปในข้อผิดพลาด จะเห็นได้ว่า การ์บาฆัล ก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น
ผู้ชนะ: เซร์คิโอ บุสเก็ตส์

บุสเก็ตส์ ตกเป็นข่าวย้ายทีม มาสักระยะหนึ่งแล้ว และนั่นก็ทำให้ความสัมพันธ์ต่อทีมและแฟนบอลที่เขาเคยได้รับ กลับถูกลดทอนลงอย่างน่าใจหาย เพราะกองกลางชาวสแปนิชรายนี้เป็นเหมือนแพะรับบาป เมื่อไหร่ที่เขาทำผลงานได้ไม่ดีนัก ก็มักจะโดนประจานอยู่เสมอ
แต่กลับกัน ในเกมนัดนี้ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่และเป็นส่วนสำคัญที่พาทีมคว้าชัยมาได้ เขาคือพี่ใหญ่ที่มีประสบการณ์มากพอในเกมแบบนี้ โดยเจ้าตัวทำสถิติจ่ายบอลได้สำเร็จถึง 92 เปอร์เซ็นต์ และมีส่วนช่วยในเกมรับได้เป็นอย่างยอดเยี่ยม
ผู้แพ้: วินิซิอุส จูเนียร์

ดาวเตะวัย 22 ปี วินิซิอุส จูเนียร์ เป็นดั่งความหวังของแฟน ๆ “ราชันชุดขาว” แต่สถิติ 5 เกมหลังเขาไม่สามารถทำประตูหรือแอสซิตส์ได้เลย เรียกได้ว่าฟอร์มตกอย่างน่าประหลาดใจ เช่นเดียวกันกับเกมนี้ เขาไม่สามารถทำอันตรายต่อกองหลังของทีมคู่แข่งได้มากพอ